การติดแบล็คลิสต์เป็นการผิดนัดหรือผิดชำระหนี้ในระบบของสถาบันการเงินต่างๆล่าช้ามากกว่า 90 วันขึ้นไป หรือไม่เป็นไปตามที่กำหนดไว้ เพียงแค่งวดเดียวก็สร้างประวัติเสียได้ ซึ่งจะไปปรากฏอยู่ในฐานข้อมูลเครดิตบูโร แม้แต่การพักชำระหนี้ก็จะระบุไว้เช่นกันอาจมีผลกระทบต่อการขอสินเชื่อหรือการทำธุรกรรมต่างๆในอนาคต
การติดเครดิตแบล็คลิสต์จะถูกบันทึกโดยสำนักงานข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (เครดิตบูโร) ซึ่งเก็บรวบรวมข้อมูลทางการเงินของผู้ใช้บริการเพื่อให้แก่สถาบันการเงินในการประเมินความเสี่ยงในการให้สินเชื่อไม่ว่าจะยื่นกับสถาบันการเงินใดก็ตาม โดยที่ข้อมูลจะถูกเก็บไว้ในระบบ 3 ปี ถึงจะทำการขอสินเชื่อใหม่ได้ แต่ใช่ว่าเมื่อยื่นแล้วจะผ่านการอนุมัติเสมอไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของสถาบันการเงิน แต่ละที่มีหลักเกณฑ์และนโยบายที่แตกต่างกันไป
1. การติดตามการชำระหนี้: ตรวจสอบประวัติค้างชำระเงิน เป็นการเช็คดูว่าประวัติการชำระเงินที่ผ่านมาเป็นอย่างไร เมื่อชำระหนี้ค้างหมดแล้ว สถานะทางบัญชีมียอดหนี้เป็นศูนย์หรือไม่ถ้าพบข้อมูลที่ไม่ถูกต้องสามารถขอแก้ไขได้
2. การติดต่อกับเจ้าหนี้: หากมีปัญหาทางการเงิน ควรติดต่อสถาบันทางการเงินที่ทำธุรกรรมไว้เพื่อหาทางออกเช่น การปรับโครงสร้างหนี้
3. การสร้างประวัติทางการเงินใหม่: การเคลียร์ยอดที่ค้างชำระให้ครบถ้วน และทำการรักษาประวัติทางการเงินที่ดี เพื่อเป็นผลดีต่อในอนาคตทำเรื่องธุรกรรมกับทางสถาบันการเงิน
4. การปรับปรุงพฤติกรรมทางการเงิน: หลีกเลี่ยงการก่อหนี้ที่ไม่จำเป็นและวางแผนทางการเงินในเหมาะสม
การติดแบล็คลิสต์อาจใช้เวลานานในการแก้ไข ถ้ามีการวางแผนชำระสินเชื่อของตนเองให้ตรงต่อเวลาและจัดการการเงินส่วนบุคคลของตนเองอย่างรอบคอบก็สามารถปรับปรุงสถานการณ์ได้ในระยะยาว
เว็บรถมือสองดูออนไลน์ ทุกคันการันตีสภาพ ต้อง ดรีมคาร์ (DREAM CARS) ตลาดรวมรถมือสอง ฟรีดาวน์ ดอกเบี้ยพิเศษ พร้อมบริการจัดไฟแนนซ์ ส่งรถให้ดูถึงหน้าบ้าน