รถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle) หรือรถยนต์ EV เป็นรถยนต์ที่ได้รับความนิยมในตอนนี้ ด้วยเทคโนโลยีลดมลภาวะ ประหยัดน้ำมัน ชี้ให้เห็นว่าผู้บริโภคหันมาซื้อรถยนต์ไฟฟ้ากัน การจะเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าสักคันนั้นควรพิจารณาต่างๆรวมถึงเทคนิคการดูแลรถยนต์ไฟฟ้า ในบทความนี้มีอะไรบ้างตามไปอ่านได้เลย
1. เลือกรถยนต์ไฟฟ้าที่เหมาะกับที่ต้องการใช้งาน
ก่อนที่จะเลือกใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า 100% หรือรถยนต์ประเภท BEV ควรรู้รูปแบบการใช้รถของเราเป็นอย่างไร เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้านั้นทำงานด้วยระบบการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ระยะทางในการขับขี่ต่อการชาร์จ 1 ครั้งจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความจุของแบตเตอรี่ รวมถึงสมรรถนะของตัวรถ
ก่อนซื้อรถยนต์ไฟฟ้าต้องดูการใช้งานเหมาะกับรูปแบบไหน หากเดินทางไกลควรจะเลือกรถที่มีสมรรถนะอย่างไร ระยะทางการวิ่งสูงสุดอยู่ที่เท่าไหร่ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง เพราะจะช่วยให้ได้รถที่เหมาะสมต่อการใช้งานจริงในระยะยาว
2. ระยะเวลาในการชาร์จแบตเตอรี่ของตัวรถ
ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าควรศึกษาเปรียบเทียบการชาร์จรูปแบบ AC Charge และ DC Charge
AC Charge
การชาร์จรถไฟฟ้าแบบ AC Charge เป็นการชาร์จแบบกระแสสลับ เหมาะสำหรับเป็นเครื่องชาร์จเพื่อติดตั้งใช้งานในบ้านหรือคอนโด
เนื่องจากไม่เปลืองไฟ แต่มีระยะเวลาในการชาร์จค่อนข้างนาน
DC Charge
การชาร์จรถไฟฟ้าแบบ DC Charge เป็นการชาร์จไฟแบบกระแสตรง มีระยะเวลาในการชาร์จต่อครั้งที่สั้นมาก ใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมงในการชาร์จจาก 0 - 80% แต่มีราคาค่อนข้างสูงเหมาะกับการชาร์จระหว่างเดินทางไกล ส่วนใหญ่ DC Charge จะเป็นสถานีชาร์จตามสถานที่ต่างๆเพื่ออำนวยความสะดวกให้คนใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่เดินทางไกล
3. เตรียมความพร้อมกับค่าใช้จ่าย
รถยนต์ไฟฟ้าหรือรถยนต์น้ำมัน สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือ ค่าบำรุงรักษา ค่าเชื้อเพลิง ค่าเบี้ยประกัน เป็นต้น ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าก็มีค่าติดตั้ง EV Charger คือการติดตั้งที่ชาร์จสำหรับใช้งานที่บ้าน โดยราคาค่าติดตั้งจะขึ้นอยู่กับกำลังไฟของเครื่อง มีตั้งแต่ 3.7 KW - 22 KW ค่าใช้จ่ายการติดตั้งมีตั้งแต่ 35,000 - 75,000 บาท
· ค่าบำรุงรักษา เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าใช้เครื่องยนต์ที่เป็นไฟฟ้าทั้งหมด มีชิ้นส่วนน้อยกว่ารถยนต์น้ำมัน ทำให้มีค่าบำรุงรักษาที่น้อยลง โดยค่าบำรุงรักษารถยนต์ไฟฟ้าต่อระยะ 100,000 กิโลเมตร จะเริ่มต้นที่ประมาณ 8,000 บาท
· ค่าเชื้อเพลิง รถยนต์ไฟฟ้าจะมีค่าเชื้อเพลิงที่ถูกกว่ารถยนต์น้ำมัน เนื่องจากใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก โดยจะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 0.26-0.50 บาท/กิโลเมตร
· ค่าเบี้ยประกัน โดยประกันรถยนต์ไฟฟ้าจะมีราคาที่ค่อนข้างสูงเนื่องจากศูนย์บริการยังมีน้อยและชิ้นส่วนอะไหล่ต่างๆ ทำให้เบี้ยประกันมีราคาสูง ควรเลือกบริษัทประกันภัยที่มีความน่าเชื่อถือและให้ความคุ้มครองที่ตอบโจทย์ต่อการใช้งาน
4. บริการหลังการขาย
บริการหลังการขายของแบรนด์นั้นๆเนื่องจากการซ่อมรถ EV ต้องใช้อะไหล่แท้จากศูนย์บริการเท่านั้น ปัจจุบันศูนย์บริการรถยนต์ไฟฟ้ามีไม่มาก ก่อนตัดสินใจซื้อควรเลือกแบรนด์ที่มีบริการหลังการขายที่น่าเชื่อถือและมีศูนย์บริการที่ได้มาตรฐานเว็บรถมือสองดูออนไลน์ ทุกคันการันตีสภาพ ต้อง ดรีมคาร์ (DREAM CARS) ตลาดรวมรถมือสอง ฟรีดาวน์ ดอกเบี้ยพิเศษ พร้อมบริการจัดไฟแนนซ์ ส่งรถให้ดูถึงหน้าบ้าน